วิธีลดต้นแขน

  1. ออกกำลังกาย การออกกำลังกายโดยเน้นลดต้นแขนจะต้องโฟกัสไปที่กล้ามเนื้อแขนด้านหน้าและด้านหลังเพื่อให้เกิดความกระชับทุกส่วนเท่า ๆ กัน ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลานานหน่อยแต่เห็นผลแน่นอน
  2. เปลี่ยนพฤติกรรม หากต้องการมีรูปร่างที่ดูดีอยู่กับเราไปนาน ๆ คุณควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์อย่างน้ำสะอาด นม ผักและผลไม้ และให้ลดหรือหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารจำพวกทอด ๆ ที่มีไขมันสูง แป้ง น้ำตาล ฯลฯ แล้วหันมาออกกำลังแขนเบา ๆ อย่างสม่ำเสมอ

  1. เลือกสวมใส่เสื้อผ้าสักนิด เสื้อแขนสั้นมักจะรัดต้นแขนทำให้เห็นความใหญ่ของแขนชัดเจน ส่วนเสื้อแขนยาวก็อาจทำให้แขนดูตัน ๆ แต่ถ้าคุณลองเปลี่ยนมาใส่เสื้อแขนสามส่วน ความยาวของแขนเสื้อจะมาสิ้นสุดเอาตรงส่วนที่เล็กที่สุดของท่อนแขนพอดี จะทำให้แขนดูไม่ใหญ่ได้ หรือเลือกใส่เสื้อแขนยาวซีทรู เพื่อให้มองเห็นได้ลาง ๆ ซึ่งจะช่วยทำให้แขนไม่ดูตันหรือจงใจปกปิดมากจนเกินไป หรืออีกวิธีให้เลือกใส่เสื้อที่เปิดให้เห็นเนื้อแค่เพียงช่วงไหล่ จะเป็นแขนสั้นหรือยาวขนาดใดก็ได้ วิธีนี้จะช่วยพรางต้นแขนได้ดีเลยทีเดียว เพราะจุดสนใจจะเปลี่ยนไปอยู่ตรงที่เปิดโชว์แทน (แทนที่จะเป็นต้นแขน) และสิ่งที่ต้องระวังก็คืออย่าเลือกใส่เสื้อที่แขนเสื้อดูรัดแน่นหรือใหญ่เกินไปจนดูรุงรัง เพราะจะยิ่งกลายเป็นการเน้นให้เห็นถึงความใหญ่ของต้นแขนให้ชัดขึ้น !!
  2. ปลอกกระชับต้นแขน มีให้เลือกอยู่หลายเกรดหลายราคา มีทั้งแบบเนื้อผ้าทอด้วยเส้นใยพิเศษหรือเป็นแบบพลาสติกตั้งแต่ราคาหลักร้อยไปจนถึงหลักพัน วิธีใช้ก็ง่ายและสะดวกมาก แค่สวมใส่ติดแขนไว้ ก็จะช่วยทำให้ต้นแขนดูฟิตขึ้นได้ทุกเวลา จะสวมใส่ตอนอยู่บ้าน ตอนนอน หรือใส่ไปทำงานก็ได้
  3. ครีมลดต้นแขน หรือครีมร้อน-เย็นกระชับสัดส่วน ส่วนใหญ่ที่มีขายจะเป็นในรูปแบบของโลชั่น ครีม หรือเจล ที่มีสารสกัดจากสมุนไพร เมื่อทาแล้วจะเกิดความร้อนในอุณหภูมิที่ทนได้ ความร้อนและเย็นเหล่านี้จะไปช่วยสลายไขมันได้หากถูนวดเป็นประจำ ทำให้ผิวบริเวณนั้นดูกระชับและเล็กลง
  4. ฉีดลดต้นแขน หรือ เมโสแฟต (Mesotherapy) เป็นการฉีดยาที่มีสรรพคุณช่วยสลายไขมันต้นแขนส่วนเกินเข้าไปที่ชั้นไขมันใต้ผิวหนังโดยตรง โดยยาที่ใช้จะเป็นกลุ่มยาหลาย ๆ ตัวผสมกันแล้วฉีด เช่น Phosphatidylcholine, L-carnitine, Deoxycholate, Dexpanthenol (B5), Amino acids, Minerals ฯลฯ ซึ่งตัวยาจะเข้าไปทำให้ผนังไขมันเกิดการแตกตัว ไขมันที่จับตัวกันเป็นก้อนจะสลายออกเป็นไขมันเหลว แล้วรอร่างกายดูดซึมกลับไปเอง โดยวิธีนี้อาจจะต้องฉีดต่อเนื่องอยู่เรื่อย ๆ เพราะการฉีดครั้งหนึ่งจะละลายไขมันได้แค่เพียงบางส่วนเท่านั้น จึงทำให้หลายคนทำแล้วไม่ได้ผล (ผลลัพธ์ที่ได้อาจไม่เป็นอย่างในภาพ)
  5. RF (Radio Frequency) นวดลดต้นแขน ช่วยขจัดไขมันส่วนเกิน เป็นวิธีการปล่อยคลื่นไฟฟ้าแบบอ่อน ๆ ในรูปของคลื่นวิทยุผ่านทะลุผิวชั้นบนเพื่อไปเพิ่มอุณหภูมิของผิวหนังในชั้นลึกและประสานไปกับการนวด ซึ่งจะทำให้เกิดการไหลเวียนกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนรูปของพลังงานจากภายใน ช่วยขจัดเซลลูไลท์และไขมันที่สะสมอยู่ตามต้นแขนได้ และยังช่วยในการกระชับสัดส่วนได้อีกด้วย โดย RF จะไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและการหดตัวของกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อชั้นบาง ๆ ที่อยู่ในผิวหนัง ทำให้ผิวหนังกระชับขึ้น มีความปลอดภัยสูง แต่อาจจะต้องทำหลายครั้งกว่าจะเห็นผลที่ชัดเจน (ภาพาก : siamlaserclinic)
  6. ฉีดคาร์บ็อกซี่ลดต้นแขน (Carboxy Therapy) อีกหนึ่งวิธีกําจัดเซลลูไลท์ต้นแขน เป็นเทคนิคการฉีดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไปในชั้นไขมันใต้ผิวหนัง โดยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะไปกระตุ้นให้หลอดเลือดขยาย นำออกซิเจนเข้าสู่ชั้นไขมันและเกิดปฏิกิริยาเร่งสลายไขมันให้กลายเป็นอุณหภูมิความร้อน พยาบาลจะใช้สายรัดโกยไขมันให้มากองเป็นกลุ่มก้อน โดยรัดบริเวณขาหนีบและเหนือข้อเข่า เพื่อป้องกันไม่ให้ก๊าซวิ่งเข้าขาหนีบและเหนือหัวเข่า หลังจากนั้นหมอจะใช้เข็มขนาดเล็กต่อกับเครื่องคาร์บ็อกซี่และถังก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ แล้วจิ้มเข็มผ่านผิวหนังเข้าสู่ชั้นไขมันด้านล่าง แล้วจึงเริ่มปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ตอนเดินก๊าซจะรู้สึกเจ็บแสบยุบยิบ โดยสามารถเดินก๊าซเข้าไปจนขาบวมเต่งเต็มที่ ทำให้เห็นเซลลูไลท์ขึ้นเป็นลอน ๆ หลังฉีดเสร็จก็นอนพักสักครู่ ขาที่ป่องบวมก็ค่อย ๆ กลับสู่สภาวะปกติใน 10 นาที ส่วนจะเห็นผลมากน้อยเพียงใดก็ขึ้นอยู่กับคนไข้ด้วย และอาจต้องมีการทำซ้ำหลายครั้ง โดยส่วนมากจะเริ่มเห็นประมาณครั้งที่ 3 เท่าไป วิธีนี้แม้มันจะช่วยสลายเซลลูไลท์ทำให้แขนดูเฟิร์มขึ้นได้ก็จริง แต่ถ้าทำไปแล้วไม่ควบคุมอาหารขากลับมาใหญ่เหมือนเดิมแน่ครับ จึงไม่ขอแนะนำดีกว่า
  7. ดูดไขมันต้นแขน (Liposuction) เป็นการผ่าตัดแบบเก่า ซึ่งในปัจจุบันไม่เป็นที่นิยมแล้ว (แต่จะเปลี่ยนมาใช้ Vaser แทน) โดยเป็นการดูดเอาเซลล์ไขมันออกตามท่อ ถ้าแพทย์ไม่ชำนาญอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ และต้องใช้เวลาพักฟื้นอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพราะจะทำให้มีรอยฟกช้ำบวมหลังการผ่าตัด สำหรับบางรายอาจพบอาการผิวหนังเป็นคลื่นไม่เรียบ เพราะผิวที่เคยมีไขมันพยุงไว้กลายเป็นโพรงจากการถูกดูดไขมันออกไป ทำให้ผิวหย่อนยานและเป็นคลื่น
  8. Vaser ต้นแขน (Vaser liposelection) ไม่ใช่การผ่าตัดเหมือน Liposuction แต่จะเป็นการใช้เข็มที่มีขนาดเล็กเป็นตัวนำพลังงานคลื่นเสียง (Ultrasound) ลงไปช่วยสลายไขมันใต้ผิวหนัง เซลล์ไขมันที่เป็นก้อนจะถูกสลายกลายเป็นของเหลว ทำให้ดูดออกมาได้โดยง่าย ส่วนไขมันที่เหลือจะถูกขับออกโดยการขับออกเองตามธรรมชาติ เห็นผลได้ทันทีหลังทำเสร็จ ผลข้างเคียงน้อย ราคาทำต่อครั้งค่อนข้างสูง ตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงหลักแสน ถ้าทำไปแล้วแต่ไม่ควบคุมอาหารหรือออกกำลังกายก็กลับมาเป็นอีก (ภาพจาก : dodeden.com by PatterSmitty ภาพก่อนและหลังทำ 1 อาทิตย์)
Share on Google Plus

About ddd

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น